วันพุธที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2552

ธรรมะกับทำไม

วันนี้ยังเป็นวันที่ศึกษาเรื่องของการใช้งานบล๊อกอยู่ครับ
เพิ่งจะได้เข้ามาลองใช้งานดู ยังทำไม่ค่อยจะเป็นครับ
เพราะผมไม่ค่อยจะเก่งเรื่องของคอมและศัพย์ต่างๆของบล๊อก

พอดีว่าตอนนี้ฝนตกหนักมากๆ
วันนี้ฝนตกตั้งแต่ช่วงเช้าแล้วครับ
ก็เลยมีคำถามขึ้นมาในใจว่า ทำไม

แล้วทำไมไปเกี่ยวกับธรรมะตรงไหน
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ผมว่าท่านทั้งหลายคงจะงงงงกันแล้วแน่ๆ
ถ้างั้นผมว่าหลายๆท่านคงเคยได้ยินคำถามที่ว่า

ทำไมผมทำอะไรๆก็ไม่ประสพความสำเร็จ
ทั้งๆที่ผมก็ไม่เคยไปทำอะไรคนอื่น
บุญผมก็ทำเป็นประจำ ถ้ามีใครมาบอกบุญเป็นได้ใส่ซองร่วมบุญกับเค้าไปบ่อยๆ
มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรทำอะไรก็มีแต่จมกับเจ้ง

นี่ไงครับตอนนี้ไงที่เรื่องราวจะเข้าไปข้องเกี่ยวกับธรรมะแล้วครับ
เพราะผมก็เคยเป็นแบบนั้นเหมือนกันครับ
หลังจากที่ได้ศึกษาและอ่านหนังสือต่างๆที่เกี่ยวกับธรรมะมานานมาก
และชีวิตที่เกิดมาก็นานพอควรจนคาดว่าน่าจะเกินครึ่งของอายุขัยแล้ว
ก็พอจะมีประสพการณ์และได้รับทราบความคิดเห็นต่างๆมามากพอควร
พอที่จะสรุปเป็นเรื่องราวให้ทุกท่านได้ลองอ่านดู

ทำไมทำบุญแล้วแต่ไม่เห็นมีอะไรดีๆเกิดขึ้นเลย
ถ้าผมจะบอกว่าที่ไม่ดีขึ้นนั้นมันก็มีมาจากหลายๆสาเหตุครับ
1.ทำบุญไม่ถูกต้องกับสิ่งที่เราต้องการ
2.ขณะทำบุญไม่ได้อยากทำ แต่ทำไปเพราะขัดไม่ได้
3.ยังไม่ถึงเวลาของการสนองในผลบุญที่ได้ทำไปแล้ว
4.เป็นเรื่องของเจ้ากรรมนายเวรที่มาขัดขวาง
เอาแค่4ข้อพอแล้วครับ

ผมจะขยายความให้ดูแบบว่าเอาพอเข้าใจก็แล้วกันครับ
1.ทำบุญไม่ถูกต้องกับสิ่งที่เราต้องการ เพราะการทำบุญมีหลายแบบเช่น ถวายสังฆทาน สร้างวิหารหรือสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ให้เงินแก่ขอทาน นำอาหารไปเลี้ยงคนชราหรือเด็กที่สถานสงเคราะห์ ตักบาตร แจกหนังสือธรรมะ บริจาคเงินเพื่อสงฆ์อาพาธ
เห็นหรือไม่ว่าการทำบุญมีหลากหลายรูปแบบ แต่ท่านทราบหรือไม่ว่าบุญที่ทำไปจะย้อนกลับมาสนับสนุนส่งเสริมท่านในเรื่องของอะไร ผมเชื่อว่าคงมีหลายๆคนที่ยังไม่รู้แน่นอนครับ ผมไม่ใช่คนที่อวดรู้หรืออวดตัวว่ารู้มากแต่ที่รู้ก็ได้มาจากหนังสือที่ซื้อมาอ่านครับ ซึ่งท่านผู้เขียนก็บอกไว้ว่าเอามาจากพระไตรปิฏกครับ
ผมยกตัวอย่างง่ายๆก่อนว่า ถ้าเกี่ยวเนื่องกับอาการป่วยไข้แล้วนั้นให้ไปทำเกี่ยวกับสงฆ์อาพาธครับเพราะป่วยเหมือนกันหรือปล่อยปลาก็ได้ครับเพราะเป็นการช่วยชีวิตสัตว์เป็นการต่อชีวิตเรา แล้วก็ถ้าต้องการเกี่ยวกับความสำเร็จในหน้าที่การงานให้ทำทานมากๆครับ
2.ขณะทำบุญไม่ได้อยากทำ แต่ทำไปเพราะขัดไม่ได้ ข้อนี้ผมว่าหลายท่านก็คงจะเข้าใจถ้าท่านไม่ได้ทำจากเบื้องลึกจากจิตใจที่ศรัทธาอย่างแท้จริง(คำนี้เอามาจากคุณศศิผู้เขียนหนังสือ ปาฏิหาริย์ แรงบุญ แรงกรรม ใครว่าไม่มีจริง) แล้วก็คงไม่บังเกิดผลอะไรแน่นอนครับ เสมือนกับทำไปแล้วแต่ก็เหมือนกับไม่ได้ทำนั่นแหละครับ
3.ยังไม่ถึงเวลาของการสนองในผลบุญที่ได้ทำไปแล้ว
4.เป็นเรื่องของเจ้ากรรมนายเวรที่มาขัดขวาง
ทั้ง2ข้อนี้ถ้าจะอธิบายต้องไปด้วยกันครับ เพราะบางครั้งอาจจะเกิดจากผลของกรรมที่ได้ทำมาแล้วตั้งแต่ครั้งอดีตชาติมาสนองและขัดขวางการทำงานต่างๆ ทำให้มีแต่อุปสรรคเกิดขึ้น สำหรับบางท่านเกิดมาในชาตินี้ทำแต่ความดี แต่ไม่รู้ว่าชาติก่อนตัวเองได้สร้างอกุศลกรรมอะไรไว้บ้างและทำมาแล้วกี่ชาติ เพราะฉนั้นถ้ายังไม่สำเร็จอะไรก็ให้ทำใจยอมรับในผลกรรมนั้นและเพียรเร่งสร้างกุศลกรรมให้มากเข้าไว้เพื่อให้กุศลกรรมนั้นมีน้ำหนักมากๆจะได้ไปข่มอกุศลกรรมไว้ก่อนเพื่อที่จะได้มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาบ้างไม่มากก็คงไม่น้อยหรอกครับ
วันนี้เอาแค่นี้ก่อนครับ สำหรับบทความของผม ถ้าผิดพลาดประการใดก็ต้องขออภัยท่านผู้อ่านทุกท่านด้วยนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น